ตอนนี้มีครอบครัวชาวเยอรมันนี จากเมือง Herdmann กำลังมองหาออแพร์ที่มีใบขับขี่ เด็กสองคน อายุ 4 กับ 6 ครอบครัวเลี้ยงแมวและต้องการออแพร์ที่สามารถเริ่มงานได้เดือนมกราคมคะ สนใจติดต่อพี่เอม 097-323-3300 หรือ contact@aupair-alt.com ขอบคุณคะ #aupairalternative
First Time with Solo Traveling – What have I learned?…
First Time with Solo Traveling – What have I learned?
#aupairalternative
สวัสดีคะ เปิ้ล ออแพร์จากประเทศสวีเดน ขอแชร์ประสบการณ์ตกเครื่องบินตอนไปเที่ยวยุโรปครั้งแรกในชีวิต ทั้งสนุก โหด หนาว ฮา (เอาจริงๆยิ้มแทบไม่ออกเลยหละคะ ) และเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้แก่เพื่อนๆ เมื่อถึงคราวของเพื่อนๆทุกคนสามารถรับมือได้ทุกสถานการณ์คะ ซึ่งมันคุ้มจริงๆคะกับการที่ได้เรียนรู้สิงใหม่ๆ ได้มิตรภาพ และยิ่งไปกว่านั้นประสบการณ์จะสอนให้เราเปิดโลกทัศน์มองโลกกว้างมากขึ้นและอยู่กับเพื่อนร่วมโลกได้อย่างไร้อุปสรรคมาขวางกั้นคะ
เปิ้ลเชื่อว่าทุกคน ต้องเคยเจอ หรือ กำลังจะเจอ หรือ กลัวที่จะเจอ …สถานการณ์แบบนี้เช่นกัน ! เรื่องของเรื่องมันมีอยู่ว่า เปิ้ลวางแผนไปเที่ยวยุโรปภายในหนึ่งอาทิตย์ 4 ประเทศ มี ฝรั่งเศส อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ และ เนเธอร์แลนด์ (ไปแค่เมืองหลวงเค้านะคะงบและเวลาไม่พอ ฮ่าฮ่า ) ตื่นเต้นมาก มากถึงมากที่สุด นั่งจัดกระเป๋าเช็คข้อมูลท่องเที่ยวซ้ำแล้วซ้ำเล่า รอเวลาว่าเมื่อไรวันเหล่านั้นจะมาถึง อยากออกเดินทางทัวร์ยุโรปแล้ว และแล้ววันที่รอคอยมานานเกือบสองเดือนกว่าก็มาถึง…
บ่ายสองโมงวันศุกร์ก็อาบน้ำแต่งตัว เพ็คกระเป๋าเรียบร้อย เพื่อเดินทางไปยังสถานี Stockholm Centralstation เราเองก็เดินซะเพลินเลยหันมามองนาฬิกาอ้าวบ่ายสามแล้วจะทันเที่ยวบินที่เราจะต้องขึ้นเครื่องวันศุกร์ตอนเย็น รอบ 18:05 น. จะทันไหม คิดๆยังไงก็ทัน มีเวลาเช็คอินตั้ง 1 ชั่วโมง ซึ่งจากที่พักไปถึงที่ Stockholm Centralstation ไม่ไกลมากนัก แต่พอมาถึงสถานีมาเช็ครอบรถบัสออ้าววว!ออกเวลา 16:40 น. ก็รอสักพักใหญ่เลยหละคะ จากสถานีสต็อกโฮล์มถึงสนามบิน ใช้เวลาประมาณ 45 นาที นี่ก็สี่โมงกว่าแล้ว ยังไม่ถึงสนามบินอีก จะตกเครื่องบินไหมหนอ เริ่มไม่สบายใจ พยายามคิดในแง่บวก ยังไงๆก็ต้องทัน ยังพอมีเวลา (ปลอบใจตัวเองไปจนถึงสนามบินโน้นนะคะ ) ถึง Arlanda Airport รีบลงจากรถบัสวิ่งตาเหลือกอย่างไม่คิดชิวิตตรงไปที่เคาเตอร์เช็คอินทันที กะว่าจะเข้าแถวหน้าเคาเตอร์ซะหน่อยเพราะเห็นคนไม่เยอะแต่พนักงานสายการบินกลับบอกให้เราเช็คอินผ่านเครื่องซะงั้น ซึ่งคิวก็ยาวแต่พนักงานกลับยืนเมาส์มอยกันราวกับว่าไม่ได้เจอกันมาเป็นปีๆงั้นแหละ และไม่สนใจ ไม่ใส่ใจ ลูกค้า ว่าจะแถวยาวเยียดแค่ไหน และพนักงานที่นี่เขาไม่เข้าไปช่วยนะคะ นอกจากเราจะถามขอความช่วยเหลือจากเขาคะ พอถึงคิวเรากลับเช็คอินไม่ผ่านซะงั้น เกิดอะไรขึ้นกับตั๋วของเรา เรารีบวิ่งไปบอกพนักงาน และให้เรารอคิวเช็คอินกับเจ้าหน้าที่ ขณะนั้นเองมีลูกค้ายืนรอแค่ 3-4 คนเองแต่พากันยืนนานมากคะเกือบครึ่งชั่วโมงได้ มีพนักงานตั้ง 4 คนไม่ช่วยอะไรเลยคะ คนรอคิวนี้ซิคะรีบมากๆ บางคนถึงกับเดินออกจากแถวไปเลย ในที่สุดถึงคิวเรา พนักงานเช็คพาสปอร์ตและดูข้อมูลให้ ระหว่างรอเช็คข้อมูล ก็ก้มมองดูนาฬิกา เวลา 18:00 น .หัวใจเริ่มเต้นผิดจังหวะ สีหน้าวิตกกังวลหละ เขาจะพูดยังไงกับเรา ถ้าเราตกเครื่องจะช่วยเราไหม และแล้วพนักงานสายการบินเธอผู้นั้นก็หันหน้ามองแบบแอบบอารมณ์เซ็งๆพร้อมกับโทรคุยกับพนักงานบนเครื่องบิน จากนั้นพูดว่า “เธอไปทำอะไรมา เธอรู้มั๊ยเธอมาสายม๊าก ม๊าก มาก ให้ลูกค้าคนอื่นมารอแค่เธอไม่ได้หรอก ฉันแนะนำให้เธอไปติดต่อที่เคาเตอร์สายการบินอื่น ” เราแถบจะพูดไม่ออกเลยใส่มาเป็นชุดๆ และพนักงานพูดต่อว่า “ฉันคงช่วยเธอได้เค่นี้แหละนะ โชคดี” ตกเครื่องจริงๆหรอเนี่ย ไม่ได้ฝันไปใช่ไหม อยากจะตบหน้าตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ว่านี่มันคือความจริง อยากจะร้องให้ ความรู้สึกเหมือนว่าชาตินี้จะไม่ได้เจอหน้าพ่อหน้าแม่อีกแล้ว พอตั้งสติได้นิดนึงเราถามพนักงานกลับไปว่า สายการบินไหนบ้าง เธอก็บอกให้ไปตามป้ายชื่อสายการบินข้างหน้า จะทำอย่างไรดีหละ นี่คือคำแนะนำที่หาทางออกที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าแล้วใช่ไหม คิดไม่ออก มืดสนิทแปดด้านจะเดินหน้าต่อ หรือถอยหลังดี ถ้าถอยหลัง คงเสียใจไปตลอดชีวิต เสีย ทั้งเงิน เวลาและโอกาส ยิ่งหายาก อยากจะย้อนเวลาก็ทำไม่ได้ Time Machine ก็มีแต่ในนิยาย โอ๊ยปวดหัว ! แต่ถ้าเดินหน้า ยอมเสียค่าตั๋วเครื่องบินถึงจะแพงไปหน่อย กับแลกกับสิ่งที่เราจะได้รับมันยิ่งใหญ่ โอกาสไม่ได้มาหาเราได้บ่อยๆ ที่สำคัญทุกอย่างที่จองก็จ่ายเงินไว้หมดแล้ว จะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้ จึงบอกกับตัวเองว่าเดินหน้ามาแล้วห้ามถอยหลังเด็ดขาด คนอื่นเขายังทำได้เลยแล้วทำไมเราจะทำไม่ได้ ก็แค่พลาดครั้งเดียวไม้ได้พลาด 4 ประเทศซะหน่อย มิฉะนั้นก็เท่ากับว่าเรามายุโยปสูญเปล่า มาอยู่ต่างประเทศตั้ง 1 ปีต้องกอบโกยโอกาสให้คุ้ม เท่านั้นหละเรารีบวิ่งไปถามแต่ละเคาเตอร์ของแต่ละสายการบิน ว่ามีสายการบินไหนบ้างไปฝรั่งเศส วันนี้ หรือ เป็นไปได้อย่างช้าที่สุดพรุ่งนี้ก็ได้ (ทำใจสุดๆ) ปรากฏว่าแทบทุกสายการบินบอกว่าเครื่องออกไปแล้วสายการบินเรามีแค่วันละเที่ยว และพรุ่งนี้ก็ไม่มี จะมีอีกทีก็วันอาทิตย์ บางสายการบินก็วันจันทร์ เราท้อขึ้นมาทันทีเลย มองนาฬิกา หกโมงครึ่ง ฉันสมควรจะบินไปแล้ว สักพักพนักงานแนะนำ ให้ลองไปถามสายการบินสแกนดิเนเวียน เผื่อจะมีเที่ยวบินทีบินไปฝรั่งเศส เอาหวะอะไรมันจะโชคร้ายได้ตลอดมันต้องมีโชคดีบ้างหละ เรารีบวิ่งอย่างรวดเร็ว โชคดีนิดหนึ่งสนามบินอาร์แลนด้าเล็กมาก ทำให้เราวิ่งไม่ถึง 3 นาทีถึงเคาเตอร์ ฮ่า ฮ่า ฮ่า และก็กดบัตรคิวยืนรอพอถึงเราปุ๊ปก็ถามหาเที่ยวบินไปฝรั่งเศสอย่างรวดเร็ว และแล้วสวรรค์มีตา มีโชคดีจริงๆคะ Oh My Lord Buddha ! มีเที่ยวบินที่เราต้องการพอดี แต่เป็นเที่ยวที่บินตอนเช้าวันเสาร์ รอบ 06.15 น. เอาอันนี้แหละราคานี้สูงลิบลิ่วเลยคะ ( 2,371 SEK ประมาณ 10,000 BHT ซึ่งตั๋วที่ซื้อรอบที่ตกเครื่อง แค่ 1700 THB เองคะ ต่างกันคนละเรื่องเลยคะ )เอาๆหวะอย่างน้อยก็ได้เดินชมกรุงปารีสหละหวะและได้ไปต่ออีก 3 ประเทศ ขอโทษคะปัญหายังไม่จบดูเหมือนจะสมหวังดั่งใจ แต่ยังคะ ซื้อออนไลน์ถูกกว่า ราคา 2,071 SEK ถูกกว่าหน้าเคาเตอร์ตั้ง 300 SEK (ประมาณหนึ่งพันบาทต้นๆคะ ) เรามาเที่ยวแบบประหยัดงบ On Budget เลยต้องทำทุกวิถีทางที่สามารถต่อยอดชีวิตในวันข้างหน้าได้คะ เลยจองตั๋วออนไลน์แต่ดันจ่ายเงินผ่านบัตรเดบิตเอทีเอ็มไม่ได้ซะงั้น ทั้งๆที่เราใช้บัตรอันเดียวกันจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินสายการบินอื่นๆ ค่าที่พัก ค่าอาหาร ความรู้สึกตอนนั้นนี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันอีกแล้ว ขอกำลังใจนิดนึงไม่ได้เชียวหรือ ! วิ่งไปถามพนักงานไปมาตั้ง 3-4 รอบได้ พนักงานบอกว่าเหลือแค่ 3 ที่เท่านั้น เราก็ยังคงพยายามต่อการจองออนไลน์จนราคาตั๋วออนไลน์ที่จะจองหายไป ทำให้ยิ่งกังวลหนักไปอีก เลยตัดสินใจเอาหวะเงินสดก็ได้หวะ ไม่มีตัวเลือกแล้วหนิ เลยไปซื้อตั๋วเที่ยวบินอันนี้ที่เคาเตอร์และตกลงกับพนักงานเรียบร้อย วิ่งไปกดเงินตู้ ATM เตรียมเอาเงินมาจ่ายค่าตั๋ว พอไปถึงเคาเตอร์ก็กดบัตรคิวใหม่ (ทุกรอบเลยที่วิ่งไปมาและได้พนักงานใหม่ทุกรอบด้วยคะ) เจอพนักงานคนอีกคนหนึ่งคะ ซึ่งไม่รู้ว่าเราจองตั๋วไว้แล้ว เราก็บอกว่าจองไว้แล้วไปฝรั่งเศส พนักงานคนนี้หันมาบอกเราว่า เต็มหมดแล้วนะ มีแต่ Business Class จะเอาไหม ( ทีแรกเราก็งงคุยกับอีกคนหนึ่งไว้แล้วนะ เหลือแค่จ่ายเงินและนี่ฉันต้องพูดประโยคเดิมๆ ซ้ำๆ อีกหรือ คิดในใจตกเครื่องไม่พอยังต้องมาเสียตั๋วเครื่องบินให้คนอื่นและพนักงานก็ไม่ต่อเรื่องกันหวะเหนื่อยใจมากคะ )อ้าว นี่ฉันจะไม่ได้ตั๋วแล้วซินะนี้มันซวยของจริงใช่ไหม ไม่มีแล้วโชคดี สถานการณ์ขณะนั้นย้ำแย่สุดๆ เหมือนจะไม่มีวันได้กลับบ้านเกิดเมืองนอนอีกแล้ว เราทั้งพูดทั้งขอร้องกกับเขากับเขาหาตั๋วให้เราใหม่ และเขาแนะนำว่ามีแค่สายการบิน Air France สายเดียวที่มีเที่ยวบินไปฝรั่งเศสวันนี้ ราคา 3500 SEK ! อยากจะบอกเขาว่า I’m Giving Up on You ! หัวใจแตกสลายยับเยินเลยหละคะ พูดไม่ออก คุยกันนานสักพักจนพนักงานคนที่เราคุยด้วยก่อนหน้านั้นถามขึ้นมา ATM ของเธอมีปัญหาหลอ แล้วพนักงานคนนี้จึงได้ไปถามเพื่อนร่วมงาน เราก็ยืนรออย่างมีความหวัง สักพักเขาเดินมาบอกวาขอโทษทีฉันเข้าใจผิด เพื่อนของฉันได้จองตั๋วให้เธอเรียบร้อยแล้ว (ความรู้สึกเหมือนกำลังจะได้เจอกน้าพ่อหน้าแม่อีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ฮ่า ฮ่า สวรรค์มีตา ) เราก็ทำการจ่ายเงินแล้วเขาก็ถามเราว่า “ เธออยากนั่งตรงไหน ริมทางเดินหรือตรงหน้าต่าง ฉันจะจัดให้และเช็คอินให้เธอด้วยจะได้มีเวลาพักผ่อน ” ยิ้มออกแล้ว ก็ขอบคุณพนักงาน เฮ้อสบายใจแล้วเรา บนความโชคร้ายมันยังมีความโชคดีเสมอ มันก็จริงๆเน้อ แต่ต้องอดทนหน่อยนะคะ สู้สู้คะ ท้อได้แต่อย่าถอยคะ ถ้ามันหนักม๊ากมากก็ถอยเถอะคะ เอามันไว้เป็นทางออกสุดท้ายจริงๆนะคะ (เอาจริงๆราคาของมันขาเดียวเท่ากับราคาตั๋วเครื่องบิน 4 ประเทศรวมกันเลยคะ ) คืนนั้นนอนที่สนามบินเลยคะ นอนหนาวทั้งคืนเลย มีเพื่อนนอนเป็นเพื่อนด้วย มีฟรี WIFI มีที่ชาร์ตแบตเตอรี่ด้วย โฮสเทลเล็กๆของเปิ้ล (ประเด็นคือ คืนนั้นกลับบ้านไม่ได้ ค่าตั๋วรถบัสแพง และต้องเข้า GATE ด่านตรวจตอนตีห้าคะ ฮ่าๆๆ ตกเครื่องรอบนั้นทำให้เราได้มิตรภาพ มีเพื่อนนอน เพื่อนคุย และเราได้เพื่อนชาวอิตาลี น่ารักมาก เป็นมิตรมากคะ ชวนไปเที่ยวบ้านด้วย เราก็บอกกับเพื่อนคนนี้ว่าคราวหลังถ้าได้ไปอิตาลีอีก ยิ้มให้กันก่อนจากกันคะ ) เป็นยังไงตกเครื่องมันดีใช่ไหมหละ ที่พักฟรี อินเทอร์เน็ตฟรี มีเพื่อนตลอดการเดินทาง มันคุ้มใช่มั๊ยหละคะ !!! แต่ตอนนี้เราโปร…แล้ว ไปมา 4 ประเทศ ช่ำชองป็นอย่างดีคร้า ฮ่าฮา
ทิ้งท้ายก่อนจากกันเน้อขอแนะนำเคล็ดไม่ลับเล็กน้อยเพื่อทุกคนที่ยังไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้ จะได้รู้ทันโลกทันสนามบิน เน้อ…
เผื่อเวลาไปสนาบินอย่างน้อย 2 ชม. ไหนจะรอเช็คอิน ไหนจะรอคิวยาวตรวจกระเป๋า อีกอย่างมีเวลาพักผ่อนด้วย เผื่อเวลาไว้เยอะๆ ก็ดีคะ กันดีกว่าแก้คะ อย่าลืมเช็คที่บินของตัวเองให้ดีนะคะ กันพลาดตกเครื่องคะ
การจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ แนะนำจองล่วงหน้าไว้หลายๆเดือนเลยคะ ยิ่งจองล่วงหน้านานเท่าไรตั๋วก็ยิ่งถูกคะ และมั่นเช็คดูเที่ยวบินเรื่อยๆคะ
Cards ไม่ว่าจะเป็นประเภทไหน บัตรเครดิท วีซ่า เอทีเอ็ม และอื่นๆต้องเช็ควงเงิน เปิดการใช้งานที่ต่างประเทศ เป็นต้น เพื่อให้ธนาคารที่เราใช้อนุมัติหรือให้ข้อแนะนำ ก่อนออกเดินทางนะคะมันอาจจะมีปัญหาภายหลังได้ และบัตรเดบิตเอทีเอ็มที่เมืองไทยอย่างเราใช้กันต้องระวังนะคะ บางสายการบิน บางตู้จ่ายเงินผ่านบัตร มันไม่รับบัตร ATMเดบิทคะ เช่น Scandinavian Airlines ตู้ซื้อตั๋วรถไฟที่ Amsterdam ที่เจอกับตัวองนะคะ ส่วนพวกตั๋วการเดินทาง Transportations ในเมืองที่จะท่องเที่ยวไปซื้อเอาที่นั้นเลยคะ ไม่ต้องจอง เป็นตั๋วที่ใช้ในชิวิตประจำวันเหมือนเราขึ้น BTS METRO รถเมย์บ้านเรานะคะ
การท่องเที่ยวยุโรปแบบประหยัดหรือOn Budget ควรเช็คข้อมูลสถานที่ที่เราจะไปให้รอบคอบ แม่นยำ จะได้ไม่เสียเวลาตอนท่องเที่ยวคะ ป้องกันกันตัวเราเองด้วยคะ จะได้ไม่โดนคนอื่นหลอกลวงได้ง่ายๆคะ และอีกอย่างไม่ควรจองรถไฟเดินทางคะ ที่ยุโรปตั๋วแพงมาก ซึ้งราคานั้นแพงยิ่งกว่าเครื่องบินอีกคะ บางตั๋วเท่ากับค่าเครื่องบินขาไปกลับเลยหละคะ แต่ถ้าใครอยากลองบรรกาศชมวิวทิวทัศ์ที่ยุโรป ก็ลองนั่งรถไฟดูคะ นานๆทีเน้อ ส่วนตัวเราเองนั้นมาเที่ยวงบแบบประหยัดเหมือนกัน เที่ยว 4 ประเทศครั้งนี้ เราหมดงบไปประมาณ 40,000 บาท ได้ของฝาก ด้วยนะ เท่มั๊ยหละคะ และเราก็โชคดีด้วยที่มีเพื่อนที่ Zürich เลยเสียค่าที่พัก 3 ประเทศ
สิ่งสำคัญที่สุด อยากบอกทุกคนว่าต่อให้เจอสถานการณ์ย่ำแย่ เลวร้าย จะท้อแท้ สักแค่ไหน ขอให้ทุกคนมีสติ คิดในแง่บวกบวก อดทน แล้วแนวทางแก้ไขปัญหาจะตามมา “บนความโชคร้ายมักจะมีความโชคดีอยู่เสมอ” คิดบวกและศรัทธาเชื่อมั่นในตัวเอง กล้าตัดสินใจ ปัญหานั้นมีทางออกเสมอ และ เปิ้ลก็เชื่อว่าทุกคนทำได้และสามารถผ่านมันไปด้วยดีคะ
ข้อมูลเว็บไซด์การท่องเที่ยวและตั๋วประหยัด บริการสายการบิน รถบัส และที่พัก มีดังนี้
1. www.tripadvisor.com เป็นเว็บไซด์ ให้แหล่งข้อมูลทั่วทุกมุมโลก ให้มูลทุอย่างเกี่ยวกับความเป็นอยู่ สถานที่ในประเทศนั้นๆ ตั้งแต่ Transportations ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ไปจนถึง วิธีเที่ยวในแหล่งนั้น ทุกอย่างเลยคะ และอีกเว็บไซต์ www.lonelyplanet.com
2. www.skyscanner.se เป็นเว็บไซต์ หาตั๋วเครื่องบินที่ถูก ลองแล้ว ได้ผลจริงๆ คะ และที่เปิ้ลใช้บริการ ได้แก่ www.norwegian.com , www.easyjet.com , www.vueling.com , www.swiss.com (**เรานั่ง SWISS Airlines เค้ามีอาหารว่างให้ทาน คะ ( ชอบตรงนี้หละคะ แต่ต้องหาดีๆ นะคะ ไม่เห็นตั๋วถูกมากสักเท่าไร มั่นเช็คบ่อยๆ นะคะ** ) ลองช่วยกันหาดูอีกนะคะ เผื่อว่าจะมีสายการบินอื่นให้รคาถูกกว่านี้อีก Let’s Travel and Open the World !
3. www.hostelworld.com เว็บไซด์ที่พักคะ มีหลายราคา ถึงแม้จะต้องแชร์ห้องกับคนอื่น ก็โอเคนะคะ ไม่เป็นปัญหาคะ แถมได้เพื่อนอีกต่างหาก
4. www.flixbus.com เว็บไซต์รถบัส สามารถนั่งได้ทั่วยุโรปเลยคะ ไปได้ทุกที่ในยุโรปเลยทีเดียว แต่ใช้เวลาเดินทางยาวนานหน่อย ข้ามวันข้ามคืน ค่าตั๋วราคาพอๆกันกันตั๋วเครื่องบินคะ เหมาะสำหรับคนที่ชอบเชยชมบรรยากาศ ธรรมชาติ Let’s Check This Out !
(***ใครที่สนใจอยากไปเที่ยวสวีเดน แนะนำให้ซื้อตั๋วออนไลน์ สำหรับพวก Transportations เพราะซื้อตั๋วหน้าเคาเตอร์แพงกว่าซื้อตั๋วออนไลน์ หลายตังค์เลยทีเดียวคะ เช่น ต่อรถบัสจากสนามบินเข้าตัวเมือง Stockholm นะคะ Flygbussarna www. flygbussarna.se Online Price 99 SEK หน้าเคาเตอร์ 119 SEK ถ้าเป็นรถไฟแล้วไม่ต้องพูดถึงเลยคะ โคตรแพงคะ ***)
Good Luck, Lykatill ,โชคดีคะ Have a wonderful journey !
ชื่อออแพร์: รัตกันท์ ศรีสุวรรณ สัญชาติ : ไทย อายุ : 24 ปี…
ชื่อออแพร์: รัตกันท์ ศรีสุวรรณ
สัญชาติ : ไทย
อายุ : 24 ปี
ประเทศ : อเมริกา
เมือง : Mendham รัฐ New Jersey
จำนวนเด็ก : 4 คน
เล่าให้ฟังหน่อยว่ามาเป็นออแพร์ได้ยังไง
มันเริ่มต้นจากความฝัน ฝันว่าอยากไปเมืองนอกสักครั้งในชีวิต เคยสนใจโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนและ work and travel ตอนที่อยู่.ปลายและมหาวิทยาลัยด้วย แต่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงและไม่พร้อมเท่าที่ควรเลยไม่มีโอกาสได้ไป แต่ก็ยังไม่หยุดคิด หาข้อมูลทุกทางเพื่อให้เกิดแรงจูงใจ อีกทั้งยังบวกกับความชอบภาษาอังกฤษและอยากใช้วิชาที่ร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์ เรียนภาษามาถ้าไม่ใช้สักวันคงลืม คือรู้ว่าการไปต่างประเทศได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย เลยไม่หยุดความพยายาม
ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นออแพร์ที่ประเทศอเมริกา
ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศมหาอำนาจ ดินแดนแห่งเสรีภาพ ใครๆก็อยากมา คือเราเคยเรียน ดูในหนังสือ แล้วอยากมามาก อยากเห็นของจริง อยากรู้จักให้มากกว่านี้
ข้อมูลคร่าวๆ เกี่ยวกับครอบครัวอุปถัมภ์ : มีเด็ก 3 คน 7 ขวบ 2 ขวบ และ 9 เดือน โฮสพ่อทำงานเกี่ยวกับการเงินที่วิทยาลัย โฮสแม่เป็นพยาบาล แต่ไม่ได้ทำงานแล้ว เราจะอยู่กับโฮสแม่และเด็กๆตลอดเวลา
ทำไมถึงเลือกครอบครัวนี้
เพราะว่าคุยกันรู้เรื่อง แล้วดูเค้า nice เป็นกันเองดี บ้านเป็นอเมริกันแท้ ได้สำเนียงได้ฝึกภาษาแน่นอน ตารางเวลางานได้ อีกอย่างคือมีโอกาสได้คุยกับเด็กๆด้วย ดูน่ารักมาก บ้านนี้มีเด็ก 3 คน คนโตไปรร. ส่วนใหญ่จะอยู่กับ 2 คนเล็ก
เค้าช่วยเหลืออะไรเราบ้างในการทำวีซ่า
ให้คำแนะนำเรื่องเอกสารและเตรียมตัวเรื่องการสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ก็จะผ่านถ้าเรามั่นใจและสามารถตอบคำถามคำถามของเจ้าหน้าที่ได้อย่างคล่องแคล่ว
งานที่รับผิดชอบในช่วงที่เป็นออแพร์ : จัด Breakfast ให้คนโตไปรร. และเด็กเล็ก2คนที่อยู่บ้านด้วย เตรียม Snack เตรียม Lunch ส่วน Dinner โฮสแม่เป็นคนทำให้ อาบน้ำ สอนการบ้าน ซักผ้า พับผ้า ทำงานบ้านเล็กๆน้อยๆ เช่น ล้างจาน กวาดบ้าน จัดเตียงเด็กๆหลังจากตื่นนอน เล่นและทำกิจกรรมกับเด็ก
โอกาสในการเรียนและการท่องเที่ยว
มีครบแน่นอน เพราะวีซ่าที่เราถือบังคับให้เรียนครบ 6 หน่วยกิต และ มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์และ vacation ให้ 2 อาทิตย์ สามารถไปไหนก็ได้ ออกสำรวจอเมริกาแบบสบายๆ
ความสัมพันธ์ระหว่างตุณกับครอบครัวอุปถัมภ์เป็นอย่างไรบ้าง : เราอยู่กันแบบ a part of family เสมือนบุคคลในครอบครัว ไปไหนไปด้วยกัน มีเรื่องราวอะไรก็เล่าสู่กัน กินอาหารเย็นด้วยกันเสมอ
ปัญหาที่คุณเผชิญและหนทางการแก้ไข
เราเจอปัญหาที่ไม่คิดอยากจะเจอเลย คือการรีแมชกับครอบครัวนี้ เนื่องจากโฮสมัมมีวิธีการเลี้ยงเด็กที่เข้มงวดเอามากๆ ทุกอย่างต้องเป๊ะตลอดเวลา จะทำอะไรก็ต้องถามก่อนตลอดเวลา ทำให้เรารู้สึกอึดอัด ไม่เป็นตัวของตัวเอง อีกอย่างโฮสคงรู้ว่าเราเริ่มไม่โอเคแล้ว โฮสก็ไม่โอเคกับเราเช่นกัน การรีแมชจึงเกิดขึ้น แต่สถานะของเรายังเหมือนเดิม ด้วยความที่เราเสมือนบุคคลในครอบครัว มีอะไรเราจึงคุยกันแบบเปิดเผย เราไม่ได้ร้าวฉาน ยังรักและคุยกันดีและสามารถมาเยี่ยมได้ตลอดเวลา เราตระหนักตลอดว่าเขาคือคนให้โอกาสเรามาที่นี่ มองโลกในแง่ดี จะทำให้มองเห็นทางออกได้ง่ายขึ้น
บทเรียนที่ได้เรียนรู้และประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจโครงการคนอื่นมีอะไรบ้าง
ครั้งหนึ่งในชีวิตแนะนำว่าควรจะมา มีหลายสิ่งหลายสิ่งหลายอย่างให้เราเรียนรู้ ภาษา วัฒนธรรม นิสัยใจคอของชาวต่างชาติ อาหารการกิน เราว่าเราชอบนะ ถือว่าเป็นบทเรียนราคาแพงที่หาซื้อที่ไหนไม่ได้ ทุกอย่างล้วนมาจากประสบการณ์ เราสามารถเอาไปต่อยอดการทำงานในอนาคตได้อีกด้วย
โดยส่วนตัวแล้วคุณคิดว่าออแพร์ควรมีคุณสมบัติอะไร
สำคัญที่สุดคือความอดทน อดทนในทุกๆเรื่อง เด็กๆแต่ละคนไม่เหมือนกัน ยิ่งเด็กฝรั่งเป็นอะไรที่เข้าใจยากมาก ครอบครัวแต่ละครอบครัวก็ไม่เหมือนกัน เราต้องเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับเขาให้ได้ และต้องใช้เวลาเป็นตัวช่วย มันไม่ง่ายและก็ท้าทายความสามารถของเราอยู่ไม่น้อย อีกเรื่องคืออยู่ห่างไกลบ้าน ทำให้บางทีอดคิดถึงบ้านไม่ได้ แต่สมัยนี้เทคโนโลยีล้ำหน้ามาก สามารถติดต่อกันได้สะดวก สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความพยายาม อย่าหยุดพยายามเด็ดขาด หากเราหยุดเราจะเกิดความท้อแท้ทันที ทำให้สิ่งที่เราไม่ประสบความสำเร็จนั่นเอง
คุณจะแนะนำโครงการออแพร์ให้กับพี่ๆน้องๆที่สนใจไหม ทำไม
เราจะแนะนำให้กับคนที่สนใจ เล่าประสบการณ์ให้ฟัง และให้ลองไปสัมมนาดูก่อนว่าใช่ทางของเราไหม ถ้าไม่ใช่จะได้ลองมองหาแนวทางอื่น เราว่าถือเป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่ามากๆ แล้วชีวิตออแพร์จะสอนให้คุณโตเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แกร่งและมั่นใจขึ้น มีความคิดเป็นของตัวเอง วันหนึ่งถ้าคุณมีครอบครัวแล้วก็คงไม่ยากที่จะดูแลลูกๆของคุณให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน อย่าหยุดที่จะตามหาความฝันของตัวเองกันนะค่ะ
ออแพร์ในอเมริกา
อีฟ
เปตอง สัญชาติ: ไทย อายุ 25 ประเทศ ฝรั่งเศส จังหวัด La Dordogne…
เปตอง
สัญชาติ: ไทย
อายุ 25
ประเทศ ฝรั่งเศส
จังหวัด La Dordogne
จำนวนเด็ก 3 คน (ชาย 1 หญิง 2)
เล่าให้ฟังหน่อยว่ามาเป็นออแพร์ได้ยังไง?
เมื่อช่วงต้นปี 2015 ตอนนั้นทำงานในองค์กรฝรั่งเศสองค์กรหนึ่งในกรุงเทพ แล้วพบว่าอยากฝึกภาษาฝรั่งเศสของตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ถ้าได้กลับไปฝรั่งเศสแบบอยู่ระยะยาว เรียนภาษาและเที่ยวไปด้วย มันคงจะดีไม่น้อย ตอนนั้นเป็นช่วงที่เริ่มหาข้อมูลว่าจะทำอย่างไรถึงจะไปฝรั่งเศสได้ด้วยเงื่อนไขหลายประการณคือ 1. จะไปในฐานะนักเรียนอย่างเดียว เป็นไปได้ยากเพราะงบน้อย ไม่มีผู้สนับสนุนทางการเงิน 2. จะไปทำงานอย่างเดียวก็ยิ่งยากขึ้นอีก เพราะระดับภาษาต้องดีกว่านี้เขาถึงจะรับ และการหางานในฝรั่งเศสสำหรับชาวต่างชาตินั้นยากมาก เลยบังเอิญไปเจองานออแพร์ในเว็ปไซต์หนึ่ง ดูแล้วน่าสนใจจึงเริ่มลองหาโฮสต์มาเรื่อยๆ ลองทุกๆเว็ปไซต์ ใช้เวลาหาประมาณปีกว่า ผิดหวังไม่รู้กี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็หาโฮสต์ที่ Match ได้ครับ
มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
เริ่มด้วยการหาสถานที่ที่รับออแพร์ฝึกงานครับ ตอนนั้นทำงานประจำตอนบ่าย แล้วไปเจอเนอสเซอรีที่นึงที่รับ และให้ทำงานช่วงเช้าแต่ ทำได้แค่อาทิตย์กว่าก็หยุดไปเพราะงานประจำค่อนข้างยุ่ง อีกทั้งกำลังขอวีซ่าอยู่ อันที่จริงผมได้โฮสต์ก่อนที่จะไปฝึก แต่อยากไปฝึกเลี้ยงเด็กเพราะต้องการให้โฮสต์ไว้ใจและมั่นใจว่าเขาเลือกคนไม่ผิดแม้ว่าเขาจะเลือกเราที่ยังไม่มีประสบการณ์แล้วก็ตาม
ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นออแพร์ที่ประเทศฝรั่งเศส?
ตามที่เล่าไปแล้วคร่าวๆว่ามีความสนใจในภาษาฝรั่งเศส อีกทั้งยังเรียนจบวิชาเอกภาษาฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมีความสนใจอยากศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศฝรั่งเศส จึงคิดว่าการมาออแพร์จะช่วยในเรื่องของการฝึกษาฝรั่งเศสของเราให้คล่องขึ้น อีกทั้งยังมีความสนใจในด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส หากได้มีโอกาสมาเที่ยวรอบฝรั่งเศส คงจะเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก
นอกจากนี้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีภูมิประเทศเป็นศุนย์กลางของยุโรปตะวันตก มีการคมนาคมที่สะดวกสะบาย สามารถเดินทางไปยัง เบลเยี่ยม อังกฤษ ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลีผ่านทางรถไฟความเร็วสูงได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีทีเดียว
ข้อมูลคราวๆเกี่ยวกับครอบครัวอุปถัมถ์?
ครอบครัวนี้จะประกอบไปด้วย 1. คุณยายของโฮสต์แม่ที่เป็นเจ้าของบ้าน 2. โฮสต์พ่อ เป็นเจ้าของร้านอาหาร 3. โฮสต์แม่ทำงานช่วยสามีที่ร้านอาหารในช่วงฤดูร้อน 4. ลูกชายคนโตอายุ 6 ขวบ 5. ลูกสาวคนกลางอายุ 3 ขวบ และน้องสาวคนสุดท้องอายุ 18 เดือน
โดยในรั้วเดียวกันนั้นจะประกอบไปด้วยบ้านของครอบครัวอุปถัมภ์ และบ้านของพ่อแม่ของโฮสต์แม่ เวลาไปทานข้าวก็จะไปทานบ้านของพ่อแม่ของโฮสต์แม่ เพราะพวกท่านจะเป็นคนทำอาหาร
เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกครอบครัวนี้?
จริงๆแล้ว ผมค่อนข้างจะไม่ค่อยเลือกโฮสต์มาก เพราะช่วงนั้นอยากไปฝรั่งเศสมาก แบบไม่ไหวแล้ว อันนี้คงเป็นข้อเสียเพราะควรจะเลือกโฮสต์ดีๆ ครอบครัวนี้เสนอให้ทำงานหน้าร้อนตลอดทั้งวันทั้งคืน แล้วจะจ่ายเงินเพิ่ม ส่วนผมก็เสนอว่าหากหมดหน้าร้อนแล้วผมขอเป็นพักร้อนยาว ดังนั้น ทำงาน 4 เดือนช่วงหน้าร้อน บวกกับพักร้อนยาว 2 เดือน เราเลยตกลงกันแบบนี้ เพราะทางโฮสต์ก็หาคนจะมาทำงานแบบนี้ให้ไม่ได้ ส่วนเราตอนนั้นก็คุยกับหลายโฮสต์มาก คือถ้าโฮสต์คนไหนโอเคก่อน ก็จะเลือกครอบครัวนั้น
เค้าช่วยเหลืออะไรเราบ้างในการทำเรื่องขอวีซ่า?
เรื่องขอวีซ่า โฮสต์ช่วยดำเนินเรื่องทางฝรั่งเศส คือ ไปสมัครเรียนให้ ใช้แค่ใบสมัครส่วนค่าเรียนเราต้องจ่ายเองในวันที่ไปเรียน และขออนุมัติสัญญาจ้างจากทางกรมแรงงานที่ฝรั่งเศสให้ ส่วนค่าวีซ่าโฮสต์ไม่ได้ช่วย ตอนนั้นโดนปฏิเสธไปหนึ่งครั้ง เสียเงินไปฟรีๆ และลองกันใหม่ครั้งที่สอง ถึงได้วีซ่ามา
งานที่รับผิดชอบในช่วงที่เป็นออแพร์?
ช่วงเดือนแรกงานจะไม่หนักมากเพราะน้องๆยังไม่ปิดเทอม ผมมีหน้าที่คอยดูแลน้องสาวคนกลาง วัน อังคาร พุธและพฤหัสบดี ช่วง 9 โมงเช้าถึงบ่ายสามโมง เล่นกับน้อง ทำกิจกรรมร่วมกันตอนเช้า ทานข้าวเที่ยงเสร็จก็พาน้องไปนอนกลางวัน พอโฮสต์กลับมาเราก็ว่าง
ส่วนคนโตจะไปโรงเรียน และคนเล็กจะไปบ้านพี่เลี้ยงเด็กอ่อน (Nanny) เสาร์-อาทิตย์จะต้องดูแลทั้ง 3 คน ในเวลาเดียวกัน ช่วงเช้าจะพาไปเดินเล่นรับแดดนอกบ้าน เพราะโฮสต์ชอบให้ลูกวิ่งเล่นกันนอกบ้านมากกว่า พอสายๆก็พาน้องคนเล็กนอนกลางวัน พอเที่ยงก็ทานข้าว ผมก็ป้อนข้าวน้องคนเล็ก ส่วนอาหารโฮสต์จะเตรียมไว้แล้ว
วันจันทร์และวันศุกร์คือวันหยุด
พอช่วงปิดเทอมหน้าร้อนต้องดูแลน้องทั้งสามคน ตั้งแต่ 9โมงเช้า จนถึงเวลาที่โฮสต์เลิกงานคือ 4 โมงเย็น จากนั้นโอสต์ก็จะเข้าร้านอีกช่วง 6 โมงเย็น เลิกงานอีกทีคือ เที่ยงคืน บางวันก็ตี 1 ช่วงหลังจากพาน้องเข้านอนตอนค่ำ เราต้องอยู่ Stand by ในกรณีที่คนโตกับคนกลางเล่นกันในห้องเพราะนอนห้องเดียวกับ หรือคนเล็กตื่นตอนกลางคืน
บางครั้งพ่อแม่ของโฮสต์แม่ไปพักร้อนต่างจังหวัด เราก็มีหน้าที่ทำกับข้าวให้ทั้งเด็กและคุณยายที่บ้าน ทำงานบ้านเช่น ล้างจาน ดูดฝุ่น
ผมทำงานช่วงหน้าร้อนเกือบทุกวัน หยุดเดือนละ 1 ครั้ง จำนวน 2 วัน ประกอบกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยมากเลยทำให้ป่วยและนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 5 คืน
โอกาสในการเรียนและการท่องเที่ยว?
โอกาสเรียน ยังไม่ได้มีโอกาสได้เรียนตามที่คิดไว้เลย เพราะช่วงที่มีวันหยุด ก็ไม่ตรงกับเวลาเรียน เมืองนี้เป็นเมืองที่เล็กมาก บ้านโฮสต์อยู่ห่างจากตัวเมือง 7 กิโลเมตรและไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่าน เวลาหยุดก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวต่างเมืองไกลๆ เพราะไม่มีใครพาไป และอีกอย่างคือผมขับรถไม่เป็น แต่ช่วงที่ได้ท่องเที่ยวคือจะจองรถแชร์หรือ covoiturage ในภาษาฝรั่งเศสเพราะถูกกว่ารถไฟมาก เพื่อไปหาเพื่อนที่อยู่แคว้นอื่นแล้วให้เพื่อนพาเที่ยว
ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับครอบครัวอุปถัมภ์เป็นอย่างไรบ้าง?
ช่วงแรกๆ เราไม่มีปัญหาอะไร แต่ช่วงหลังๆมา อะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่คุยกันไว้ เช่นเรื่องที่อยู่ ในบ้านไม่มีห้องพอ โฮสต์เคยคุยกับเราว่าเราต้องนอนในคาราวานหรือรถบ้าน และบอกว่าไม่ต้องกังวลในนั้นมีทุกอย่างเหมือนบ้านซึ่งเราก็ตกลงไป เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆ พอมาอยู่จริงๆ กลับมีแค่เตียงและโซฟาเก่าที่ต้องเอาผ้ามารองนั่ง ห้องน้ำก็ไม่มีให้ ต้องไปทำธุระส่วนตัวที่บ้านของโฮสต์ น้ำจะใช้ล้างหน้าหรือดื่มกินยังไม่มี ต้องเอาขวดเปล่าไปกรอกน้ำมาไว้ดื่มในคาราวาน ส่วนเรื่องอาหารการกิน บางครั้งเป็นอาหารที่เราไม่ชินเราก็ทานได้น้อยในบางมื้อ ช่วงหน้าร้อนเป็นอะไรที่หนักมาก เวลาเรามีเวลาพักสักชั่วโมงสองชั่วโมง เราก็อยากนอนพักสงบๆ ที่เดียวที่พักได้คือในคาราวานซึ่งช่วงหน้าร้อนมันเก็บความร้อนได้ดีมาก ถ้าออกไปพักข้างนอกก็ต้องไปเล่นกับน้องซึ่งเท่ากับว่าเราจะไม่ได้พักเลยเพราะน้องทั้ง 3 คน จะอยู่กับเราตลอดเวลา ถามว่ารักเด็กไหม ก็รักแต่เราต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง ความสัมพันธ์เริ่มตรึงเครียดตอนที่เรามีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาล ซึ่งโฮสต์เคยแนะนำให้ไม่ต้องสนใจปล่อยจนกลับไทย ยังไงโรงพยาบาลก็ไม่ตาม เราเห็นถึงความไม่จริงใจ และหลังๆโฮสต์ไม่จ่ายค่าจ้างทุกสัปดาห์ บางครั้งนานถึงสามสัปดาห์ เราจะได้ค่าจ้างก็ต่อเมื่อทวง ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ตอนนั้นเคืองจนถึงขั้นคิดว่า เขาลืมจ่ายค่าจ้างเราได้ เราก็อยากลองลืมตื่นไปเลี้ยงลูกเขาบ้าง แต่ด้วยความรักเด็กมันมาก่อน เลยตื่นไปทำหน้าที่ทุกวัน เขาจะได้ว่าเรามีความรับผิดชอบ หรือเผื่อเขาจะเอาเป็นแบบอย่างบ้าง
ปัญหาที่คุณเผชิญและหนทางการแก้ไข?
ปัญหาที่เผชิญเกิดขึ้นช่วงก่อนที่จะได้ออกจากบ้านโฮสต์ 2 อาทิตย์
ตอนนั้นได้รับจดหมายจากทางโรงพยาบาลแจ้งค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระราว 170,000 บาท ซึ่งตกใจมากเพราะขนาดเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตยังไม่ถึงแสนเลย เราไปปรึกษาโฮสต์เพราะคิดว่าโฮสต์ได้ทำประกันสังคมให้แล้ว โฮสต์กลับบอกให้เราไปปรึกษาประกันสังคมเอง ไม่แม้แต่จะอาสาพาไปทั้งๆที่รู้ว่าเราขับรถไม่ได้และทางก็ไกลมาก ย้อนกับไปคิดช่วงที่มาอยู่เดือนแรกๆ ผมต้องไปรายงานตัวที่ Immigration ที่ Bordeaux โฮสต์บอกว่าต้องทำงาน ผมต้องไปเอง เขาพาผมไปซื้อตั๋วรถไฟโดยเป็นเงินค่าจ้างของสัปดาห์นั้น ค่าแสตมป์เสียภาษีก็เช่นกันเป็นเงินค่าจ้างที่เขาหักไป ไม่มีเวลาพาไปแล้วยังให้จ่ายเองทุกอย่าง ตอนไป Bordeaux ก็เป็นกังวลบ้างแต่ด้วยความที่ครั้งนี้มาฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 2 และพูดฝรั่งเศสได้จึงเอาตัวรอดมาได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไม่มีความรู้ภาษาฝรั่งเศสจะน่าสงสารขนาดไหน ขนาดมีประสบการณ์แล้วยังเกิบตกรถไฟ
กลับมาที่เรื่องค่ารักษาพยาบาล พอโฮสต์ทำเหมือนไม่สนใจ ผมเลยตัดสินใจไปเอง โทรไปถามประกันสังคม เตรียมเอกสาร เพราะถ้าปล่อยไว้คงเป็นปัญหาอีกภายหลัง ยิ่งใกล้จะถึงเวลาต้องออกจากบ้านโฮสต์แล้วด้วย ผมเดินเท้าไปในเมือง 7 กิโลเมตร ตอนออกจากบ้านเห็นรถจอดสองคัน แต่ไม่มีใครว่างไปส่ง จริงๆขับรถไป 5 นาทีก็ถึง พอไปถึงประกันสังคมก็ไม่สามารถรับเอกสารได้เนื่องจากใบเกิดต้องได้รับการรับรองการกระทรวงการต่างประเทศหรือสถานทูต ผมจึงกลับมาและส่งใบเกิดไปที่สถานทูตเพื่อให้สถานทูตประทับตรารับรอง ระหว่างรอเอกสารตอบกลับก็เหลือเวลาอีกราว 3 วันผมไปขอโฮสต์ว่าผมอยากอยู่ต่อเคลียร์เรื่องประกันสังคม โฮสต์บอกอยู่ได้แต่ต้องเซ็นต์สัญญาว่าสัญญาได้จบก่อนกำหนด เพราะเขาบอกว่าเดือนที่ผมจะพักร้อนก็ไปพักร้อนแต่ก่อนไปต้องเซ็นต์สัญญานี้เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับผม เขาจะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบ อีกอย่างเขาจะได้ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม ผมเลยติดต่อเพื่อนสนิท เพื่อนเลยจะมารับ และให้ที่พักชั่วคราว แต่ปัญหาคือ ถ้าไม่ได้อยู่ในสัญญาแล้ว ประกันสังคมจะยังทำได้หรือเปล่า ผมเลยตัดสินใจไปที่ประกันสังคมอีกครั้ง พนักงานบอกว่า ผมถูกคุ้มครองโดยประกันสังคมตั้งแต่วันทำงานวันแรกตามที่ระบุในสัญญาแต่แค่ไม่ได้มาทำการเปิดหมายเลขประกันสังคมเท่านั้น ผมเลยโล่งอก
ตอนนี้ได้ยื่นเรื่องขอสิทธิ์ใช้ประกันสังคมตามสิทธิ์ที่ระบุในสัญญา และอยู่ระหว่างรอจดหมายตอบรับว่าจะได้สิทธิ์นั้นหรือเปล่า แต่ถ้าโอเคประกันสังคมสามารถช่วยจ่ายได้ 80 % ก็ถือว่ายังดี
ปัญหาอีกอย่างคือเรื่องค่าตั๋วเครื่องบิน ด้วยความที่ตอนนั้นได้วีซ่ากระทันหันเลยได้ตั๋วในราคาแพง (800 ยูโร) แต่ก็ไม่แพงมาก โฮสต์บอกว่าจะช่วยครึ่งนึง พอมาถึงที่ฝรั่งเศส โฮสต์จ่ายแค่ 200 ยูโร พยายามทวงทุกครั้งที่ทวงค่าแรง โฮสต์ก็จ่ายแค่ค่าแรง จนทุกวันนี้ออกมาแล้ว ยังคงทวงถาม แต่ก็ไม่ได้คืนอีก 200 ยูโร และคิดว่าคงไม่ได้คืน
ก่อนออกจากบ้านโฮสต์ โฮสต์ยังพูดทำนองขู่ว่า ผมมาในวีซ่าออแพร์ ถ้าไม่ได้ทำงานออแพร์หรือสัญญาถูกยกเลิกไปแล้ว ตามกฎหมายผมไม่มีสิทธิ์อยู่ในแผ่นดินฝรั่งเศสแม้วีซ๋าจะยังไม่หมดอายุ และมีสิทธิ์ถูกตำรวจจับได้ทุกเมื่อ คำพูดที่รับไม่ได้คือประโยคที่ว่า “เธอมีสิทธิ์อยู่แค่ในพื้นที่ที่ประเทศเธอมาซื้อไว้คือสถานทูตของประเทศเธอ เธอลองไปขอเขาอยู่สิ แต่อย่าลืมนะว่าหากออกจากประตูสถานทูตเมื่อไหร่ เธอถูกจับได้ทุกเมื่อ” ตอนนั้นแอบร้องไห้ในคาราวาน พอรุ่งเช้าเลยไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยหลือแก่คนที่ไม่มีทางออกในชีวิตหรือในภาษาฝรั่งเศสคือ Assistant Social เขาเลยโทรไปถามสำนักงานที่ดูแลชาวต่างชาติ ได้ความว่า ผมยังมีสิทธิ์อยู่ต่อเพราะวีซ่ายังไม่หมดอายุ แม้ว่าไม่ได้เป็นออแพร์แล้ว แต่ยังคงสถานะนักเรียนอยู่ เพราะประภทวีซ๋าคือ นักเรียนออแพร์ระยะยาว ผมเลยไปบอกกับโฮสต์แบบนี้ เขายังพูดว่าเจ้าหน้าที่คนนี้มั่ว ตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะถึงแม้จะยังหาทางออกเรื่องค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ก็ตาม ยังดีกว่าทนอยู่ในที่ที่เขาทำกับเราเหมือนทาส
บนเรียนที่ได้เรียนรู้และที่จะประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจโครงการคนอื่นมีอะไรบ้าง?
– หากใครที่สนใจมาทำออแพร์ที่ฝรั่งเศสก็ยังคงบอกว่าสนับสนุนและไม่อยากให้คิดว่าครอบครัวอุปถัมภ์ฝรั่งเศสเป็นเหมือนครอบครัวที่ผมเจอ แต่ต้องวางแผนให้ดีอ่านสัญญาให้ดี ถ้าอะไรที่ตกลงกันแล้วต้องระบุในสัญญาชัดเจนนะครับ เช่นเรื่องตั๋วเครื่องบิน ตามสัญญาไม่ระบุรายละเอียด ถ้าเราจะจ่ายเองก็ไม่ต้องระบุก็ได้ หรือถ้าโฮสต์จ่ายอาจจะไม่ต้องระบุ แต่ให้ได้ตั๋วก่อน ส่วนถ้าแบ่งกันจ่าย นี่ต้องระบุครับ
– ควรจะรู้จุดประสงค์ของการมาของตัวเองให้ดี ถ้าอยากมาเรียนภาษาต้องเลือกโฮสต์ที่อยู่ในเมืองใหญ่ จะได้หาที่เรียนง่ายๆ หากจะมาเที่ยวก็หาเมืองที่มีการคมนาคมสะดวก แนะนำว่าถ้าขับรถไม่เป็นและไม่มีใบขับขี่อย่าเลือกโฮสต์ที่อยู่ในชนบท เพราะชนบทของฝรั่งเศสมันมีแต่ธรรมชาติจริงๆ บางที่แบบชนบทที่มีแต่ทุ่งหญ้าและทุ่งข้าวสาลี หรือไร่ข้าวโพด ไม่ได้มีร้านขายของชำหรือ 7-11 เหมือนที่ไทย
– ควรตกลงกับโฮสต์ให้ชัดเจนเรื่องประกันสังคม และควรซื้อประกันมาเผื่อด้วย
– หากโฮสต์รับผิดชอบเรื่องประกันสังคม วันแรกที่มาถึงจะต้องคุยกันเรื่องนี้เลย และต้องให้เขาพาไปประกันสังคมภายใน 8 วันก่อนมาถึง ย้ำว่าอย่าช้ากว่า 8 วันเพราะจะตามยาก
– หากมีคนทีรักเราอยู่ที่บ้านไม่ควรคิดว่าจะมาเอาดาบหน้าเพราะที่ฝรั่งเศสไม่มีอะไรให้กอบโกย คนอพยพแทบจะล้นประเทศ
– หากรู้สึกว่าโฮสต์กระทำการอะไรที่ผิดกฎหมาย ควรเก็บหลักฐานไว้บ้าง เช่น คลิปเสียง คลิปวิดีโอ เพราะมันอาจจะเป็นประโยชน์หากมีปัญหาในอนาคต
– สำหรับการมาเป็นออแพร์ที่ฝรั่งเศส เอกสารที่ควรจะนำไปขอรับรองสำเนากับทางกระทรวงต่างประเทศก่อนกำหนดวันเดินทางคือ ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (กรณีเปลี่ยนชื่อ/นามสกกุล) เพราะต้องใช้ในเกิดที่มี Legalization แนะนำให้แปลมาจากประเทศไทยก่อน เพราะราคาค่าแปลที่ฝรั่งเศสแพงกว่ามาก
โดยส่วนตัวแล้วคุณคิดว่าออแพร์ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
– มีความรับผิดชอบ เพราะโฮสต์ไว้ใจให้เราดูแลลูกของเขา เท่ากับเราจะต้องรับผิดชอบชีวิตลูกเขา
– ความปลอดภัยของเด็กๆ เราต้องคิดเสมอว่าสิ่งที่พาเด็กๆเล่นหรือสถานที่ๆพาเด็กๆไป เรามีความสามารถที่จะให้ความปลอดภัยเขาได้หรือเปล่า
– ทักษะการเลี้ยงเด็ก หลายครอบครัวมีลูกหลายวัย ควรมีความรู้ในการเลี้ยงเด็กอ่อนบ้าง จะได้ช่วยโฮสต์และช่วยตัวเองให้รับมือกับสถานการณ์ได้
– ควรมีความยืดหยุ่น เพราะเวลาดูแลน้องอาจจะมีล่วงเวลาบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่เราและโฮสต์ตกลงกัน ถึงแม้เราจะรู้จักยืดหยุ่นแต่ต้องไม่รู้สึกว่าเราถูกเอารัดเอาเปรียบจนเกินไป
– ควรมีความรู้เรื่องสิทธิ์ที่ออแพร์ควรจะได้รับในประเทศที่เราจะไป เพราะจะช่วยให้เราไม่โดนเอาเปรียบ
– ควรมีความสามารถในการสอน เพราะนอกจากเราจะต้องดูแลเด็กแล้ว เรายังต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีและคอยสอนเด็กเสมอ เพราะเด็กหากได้จดจำอะไรแล้วจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้อย่างรวดเร็ว
คุณจะแนะนำโครงการออแพร์ให้กับพี่ๆน้องที่สนใจไหม ทำไม?
– หากใครที่ชอบประเทศฝรั่งเศสและอยากมาเที่ยวที่นี่ ผมก็แนะนำนะครับ การเป็นออแพร์เหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เป็นการมาหาประสบการณ์ เพราะออแพร์มีโอกาสได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมใหม่ๆ แถมยังได้ pocket money ติดตัวด้วย ประเทศฝรั่งเศสมีสถานที่ให้เที่ยวเยอะแยะมากมาย และที่นี่หากลองไปเที่ยวตามเมืองต่างๆ คุณจะลืมหอไอเฟลไปเลย เพราะมันมีอะไรกว่านั้นมาก ทางเหนือ อาคารบ้านเรือนะเหมือนอยูเบลเยี่ยม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหมือนได้อยู่เยอรมัน ภาคกลางดินแดนภูเขาไฟ ขับรถเฉียดทะเลหมอกแบบชิวๆ ภาคตะวันตกเฉียงได้ ติดแดนที่อยู่ติดสเปนแค่เอื้อม ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออก ราวกับยกอิตาลีไม่ไว้กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า มีทุกวัฒนธรรมและไม่ใช่สิ่งที่จำลองมาไว้ แต่เป็นความคล้ายคลึงทางวัฒนธรรมที่มีมานานแล้ว ทุกวันนี้ยังอยากมีโอกาสที่จะทำงานออแพร์ต่อ เพราะถึงแม้จะได้ความทรงจำไม่ดีจากครอบครัวนี้ แต่เราก็ไม่ควรจะตัดสินทุกคนให้เป็นเหมือนกัน และยังคงรักในการเป็นออแพร์
ตอนนี้มีครอบครัวอุปถัมภ์จากเมืองอัมสเตอร์ดัมกำลังมองหาออแพร์ไทย ลูกผู้หญิงคนเดียว อายุ5ขวบ น้องๆคนไหนสนใจติดต่อเข้ามาได้นะคะ ติดต่อพี่เอม contact@aupair-alt.com โทร 097-323-3300 #aupairalternative
ตอนนี้มีครอบครัวอุปถัมภ์จากเมืองอัมสเตอร์ดัมกำลังมองหาออแพร์ไทย ลูกผู้หญิงคนเดียว อายุ5ขวบ น้องๆคนไหนสนใจติดต่อเข้ามาได้นะคะ ติดต่อพี่เอม contact@aupair-alt.com โทร 097-323-3300 #aupairalternative
นานิ สัญชาติ: ไทย อายุ 28 ปี ประเทศ สวีเดน เมือง สตอกโฮล์ม…
นานิ
สัญชาติ: ไทย
อายุ 28 ปี
ประเทศ สวีเดน
เมือง สตอกโฮล์ม
จำนวนเด็ก ผู้ชาย 2 คน
ทำไมถึงอยากเป็นออร์แพร์
อยากทำงานและเที่ยวต่างประเทศด้วย อีกทั้งอยากฝึกภาษาอังกฤษและเรียนรู้การใช้ชีวิตในต่างประเทศ
เตรียมตัวอย่างไรก่อนเป็นออร์แพร์
ศึกษาหาข้อมูลว่าออร์แพร์คืออะไร วิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของอาชีพนี้ สอบถามตามเว็บบอร์ดหรือกลุ่มทางอินเตอร์เน็ตที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะให้ได้ข้อมูลจากผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาก่อน เพื่อให้มันใจว่าข้อมูลที่เราได้นั้นถูกต้องจริงๆ
ทำไมถึงเป็นประเทศนี้และอะไรเป็นสิ่งที่คุณประทับใจจากประเทศนี้
เนื่องจากสวีเดนเป็นประเทศหนึ่งที่สวยงามและน่าท่องเที่ยวจึงสนใจ อีกทั้งเงินเดือนก็อยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ไม่น้อยจนเกินไป
สิ่งที่ประทับใจคือ เป็นประเทศที่สวยงามประเทศหนึ่งในยุโรป การใช้ชีวิตที่นั่นค่อนข้างสะดวกสบายด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ผู้คนสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดี มีร้านอาหารไทยมากมายให้เลือก มีการรักษาความปลอดภัยในสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเข้มงวด ผู้คนเป็นมิตรเพราะมีคนไทยอาศัยเยอะและคนสวีเดนชื่อชอบประเทศไทยมาก อีกทั้งภูมิประเทศสามารถท่องเที่ยวนอวเย์และเดนมาร์กได้ง่าย
เกี่ยวกับงานและครอบครัว ครอบครัวนี้คุณพ่อคนอังกฤษ แม่สวีเดน ลูกชาย 2 คนอายุ 8 และ 10 ขวบ พูดได้ 2 ภาษาจึงสื่อสารกันได้ง่าย เนื่องจากเด็กโตแล้วสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หน้าที่ของนานิเลยมีแค่ไปรับ-ส่งเด็กไปโรงเรียน และทำอาหารให้ทั้งครอบครัว ยกเว้นบางวันที่พ่อแม่เด็กจะอยากทำเอง และเก็บกวาดครัวเล็กน้อยหลังทำอาหารเสร็จ ที่บ้านนี้มีแม่บ้านทำความสะอาดโดยเฉพาะนานิจึงไม่ต้องทำ
โอกาสในการเรียนภาษาและท่องเที่ยว
เนื่องจากบ้านนี้เด็กพูดภาษาอังกฤษนานิจึงไม่ได้ลงเรียนภาษาสวีเดน แต่ก็จะได้ยินและเรียนรู้ได้จากเด็กและคนรอบข้างบ้างบวกกับฝึกฝนเองจากอินเตอร์เน็ตทำให้ฟังรู้เรื่องบ้าง แต่จะได้เรียนรู้ภาษอังกฤษจากบ้านโฮสและเด็ก พอพูดไม่ถูกพวกเขาก็จะช่วยแก้ไขให้และอธิบายเหมือนได้เรียนภาษาในทุกๆวัน นานิมีโอกาสในการท่องเที่ยวทั้งในประเทศวีเดนและเดนมาร์ค นอเวย์ เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมากทุกที่มีความสวยงามเกินบรรยาย และการเดินทางนั้นง่ายดายได้ สะวกเพียงแค่นั่งรถไฟไป หรือขึ้นเครื่องไปแค่ไม่กี่ชมก็ถึงทำให้นานิได้เห็นสถานที่สวยงามมากมายในอีกซีกโลกหนึ่ง
คุณคิดว่าสิ่งสำคัญที่ออร์แพร์ควรมีคืออะไร
สำหรับนานิคิดว่าออร์แพร์ทุกคน ควรมีความเข้าใจและยอมรับว่าอาชีพนี้คืออะไร เราต้องทำตัวอย่างไรในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น ควรมีการจัดการงานและทุกสิ่งในชีวิตได้อย่างดีโดยที่ไม่ต้องให้มีใครบอก ควรมีความรับผิดชอบในการคิดการกระทำของตนเองไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัว เพราะเราจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนอื่นในบ้านของเขา เราจะต้องมีปฏิพานไหวพริบในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในแต่ละวันได้ดี มีเหตุผล ไม่ใช้อารมณ์ในการตัดสินปัญหา กล้าแสดงออกหรือพูดในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม เพื่อให้เข้าใจตรงกันและอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างมีความสุขตลอดการทำงาน
อะไรคือสิ่งที่คุณได้จากการร่วมโครงการออร์แพร์
นานิคิดว่าได้เยอะมาก อย่างแรกคือประสบการณ์ในการทำงานและใช้ชีวิตต่างประเทศ ได้ฝึกฝนในการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน ได้มีโอกาสท่องเที่ยวในยุโรป ได้เพื่อนใหม่และเรียนรู้วัฒนะธรรมใหม่ๆ ที่สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งคือการได้ฝึกความอดทนและความเข้มแข็งในการใช้ชีวิตตัวคนเดียว ดูแลตัวเองอย่างแท้จริง เพราะการที่เราอยู่ต่างบ้านต่างเมือง ในที่ที่ไม่มีคนรู้จักญาติพี่น้องหรือเพื่อน ทำให้เราต้องมีการปรับตัว มีการเรียนรู้ มีการแก้ปัญหาในการอยู่ร่วมกับผู้อื่น เมื่อเจอเหตุหารณ์ต่างๆในแต่ละเราเราจะต้องมีวิธีการแก้ไขด้วยตัวเองเพราะไม่มีใครสามารถช่วยเราได้ ณ จุดนั้น ซึ่งถ้าเราสารถทำได้ก็เท่ากับความเราสามารถอยู่ที่ไหนก็ได้ในโลกใบดี ได้อย่างดีและมีความสุข
คุณจะแนะนำคนอื่นที่สนใจเข้าร่วมโครงการอย่างไร
นานิจะเริ่มแนะนำด้วยการให้ทุกคนได้ศึกษาทำความเข้าใจว่าโครงการนี้หรืออาชีพนี้คืออะไร ข้อดีและข้อเสียเป็นอย่างไรบ้าง ถามตัวเองว่าเราพร้อมมั้ยที่จะเจอกับข้อดีข้อเสียเหล่านั้น ต้องมีความมั่นใจว่าตัวเองชอบอาชีพนี้จริงและเข้าใจโลกของความจริงที่เราไม่สามารถควบคุมได้ เพราะมันจะไม่ได้มีแต่ความสวยงาม บางครั้งอาจจะมีอะไรที่เราไม่ชอบ เราจะสามารถรับตรงนั้นได้หรือไม่ มีความคิดเป็นของตัวเองมั่นใจและรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตนเองเลือก ถ้าคิดว่าชอบและใช่ ได้ทำงานได้เที่ยวต่างประเทศด้วย นานิเชียร์ให้ทุกคนได้ลองไปดูสักครั้งเพราะโอกาสไม่ได้มีสำหรับทุกคน ถ้ามันผ่านมาแล้วเราไม่คว้าเอาไว้ เราก็จะเสียโอกาสนั้นไปเลย เพราะอายุเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ • อายุระหว่าง 18-25 ปี • สถาณะโสดและไม่มีบุตร • มีความประสงค์ที่จะเข้าคอร์สเรียนภาษาในช่วงที่เป็นออแพร์ •…
คุณสมบัติของผู้เข้าร่วมโครงการ
• อายุระหว่าง 18-25 ปี
• สถาณะโสดและไม่มีบุตร
• มีความประสงค์ที่จะเข้าคอร์สเรียนภาษาในช่วงที่เป็นออแพร์
• มีสุขภาพดี
• มีความประสงค์ที่จะเข้าร่วมโครงการในออสเตรียเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี
ผลประโยชน์ที่จะได้รับจากโครงการ
• ทำงานเพียง 5ชั่วโมง/วัน หรือ 30 ชั่วโมง/อาทิตย์
• ได้รับค่าตอบแทนประมาณ 500-700 สวิสฟรังก์ ต่อเดือน
• ได้วันหยุดอย่างน้อย 1 วัน ต่อสัปดาห์
• ฟรีคอร์สเรียนภาษา
• ฟรีประกันสุขภาพในช่วงที่เข้าโครงการ
• ได้วันหยุดพักร้อน 5 สัปดาห์ต่อปี สำหรับผู้สมัครอายุ 18-20 ปี และ 4 สัปดาห์ สำหรับผู้สมัครอายุ 20 ขึ้นไป
• โอกาสที่จะได้เรียนรู้และศึกษาวัฒนธรรมของประเทศสวิสเซอร์แลนด์และฝึกภาษาเยอรมัน ฝรั่งเศหรืออิตาเลียน
ได้เพื่อนใหม่ และได้ท่องเที่ยวในประเทศต่างๆในโซนยุโรปด้วยวีซ่าเชงเก็น
• ได้รับความช่วยเหลือและคำปรึกษาจากเอเจนซี่ตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมโครงการ
Which country is Schengen? See the list below.. • Austria…
Which country is Schengen? See the list below..
• Austria
• Belgium
• Czech Republic
• Denmark
• Estonia
• Finland
• France
• Germany
• Greece
• Hungary
• Iceland
• Italy
• Latvia
• Lithuania
• Luxembourg
• Malta
• Netherlands
• Norway
• Poland
• Portugal
• Slovakia
• Slovenia
• Spain
• Sweden
• Switzerland
• Liechtenstein
ประเทศเนเธอร์แลนด์เปลี่ยนกฎออแพร์ให้ผู้สมัครอายุตั้งแต่ 18- 31 ปีสามารถสมัครเข้าโครงการได้นะคะ The netherlands has updated their Au…
ประเทศเนเธอร์แลนด์เปลี่ยนกฎออแพร์ให้ผู้สมัครอายุตั้งแต่ 18- 31 ปีสามารถสมัครเข้าโครงการได้นะคะ The netherlands has updated their Au Pair regulations allowing applicants age between 18 – 31 to participate in the program. Hurray! #aupairalternative
#aupairalternative
#aupairalternative