เปตอง สัญชาติ: ไทย อายุ 25 ประเทศ ฝรั่งเศส จังหวัด La Dordogne…

เปตอง
สัญชาติ: ไทย
อายุ 25
ประเทศ ฝรั่งเศส
จังหวัด La Dordogne
จำนวนเด็ก 3 คน (ชาย 1 หญิง 2)

เล่าให้ฟังหน่อยว่ามาเป็นออแพร์ได้ยังไง?

เมื่อช่วงต้นปี 2015 ตอนนั้นทำงานในองค์กรฝรั่งเศสองค์กรหนึ่งในกรุงเทพ แล้วพบว่าอยากฝึกภาษาฝรั่งเศสของตัวเองให้ได้มากกว่านี้ ถ้าได้กลับไปฝรั่งเศสแบบอยู่ระยะยาว เรียนภาษาและเที่ยวไปด้วย มันคงจะดีไม่น้อย ตอนนั้นเป็นช่วงที่เริ่มหาข้อมูลว่าจะทำอย่างไรถึงจะไปฝรั่งเศสได้ด้วยเงื่อนไขหลายประการณคือ 1. จะไปในฐานะนักเรียนอย่างเดียว เป็นไปได้ยากเพราะงบน้อย ไม่มีผู้สนับสนุนทางการเงิน 2. จะไปทำงานอย่างเดียวก็ยิ่งยากขึ้นอีก เพราะระดับภาษาต้องดีกว่านี้เขาถึงจะรับ และการหางานในฝรั่งเศสสำหรับชาวต่างชาตินั้นยากมาก เลยบังเอิญไปเจองานออแพร์ในเว็ปไซต์หนึ่ง ดูแล้วน่าสนใจจึงเริ่มลองหาโฮสต์มาเรื่อยๆ ลองทุกๆเว็ปไซต์ ใช้เวลาหาประมาณปีกว่า ผิดหวังไม่รู้กี่ครั้ง แต่สุดท้ายก็หาโฮสต์ที่ Match ได้ครับ

มีการเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?

เริ่มด้วยการหาสถานที่ที่รับออแพร์ฝึกงานครับ ตอนนั้นทำงานประจำตอนบ่าย แล้วไปเจอเนอสเซอรีที่นึงที่รับ และให้ทำงานช่วงเช้าแต่ ทำได้แค่อาทิตย์กว่าก็หยุดไปเพราะงานประจำค่อนข้างยุ่ง อีกทั้งกำลังขอวีซ่าอยู่ อันที่จริงผมได้โฮสต์ก่อนที่จะไปฝึก แต่อยากไปฝึกเลี้ยงเด็กเพราะต้องการให้โฮสต์ไว้ใจและมั่นใจว่าเขาเลือกคนไม่ผิดแม้ว่าเขาจะเลือกเราที่ยังไม่มีประสบการณ์แล้วก็ตาม

ทำไมถึงเลือกที่จะเป็นออแพร์ที่ประเทศฝรั่งเศส?

ตามที่เล่าไปแล้วคร่าวๆว่ามีความสนใจในภาษาฝรั่งเศส อีกทั้งยังเรียนจบวิชาเอกภาษาฝรั่งเศสจากมหาวิทยาลัยขอนแก่น และมีความสนใจอยากศึกษาต่อในระดับปริญญาโทที่ประเทศฝรั่งเศส จึงคิดว่าการมาออแพร์จะช่วยในเรื่องของการฝึกษาฝรั่งเศสของเราให้คล่องขึ้น อีกทั้งยังมีความสนใจในด้านภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์ฝรั่งเศส หากได้มีโอกาสมาเที่ยวรอบฝรั่งเศส คงจะเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยาก
นอกจากนี้ ประเทศฝรั่งเศสยังมีภูมิประเทศเป็นศุนย์กลางของยุโรปตะวันตก มีการคมนาคมที่สะดวกสะบาย สามารถเดินทางไปยัง เบลเยี่ยม อังกฤษ ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี สเปน สวิตเซอร์แลนด์ และอิตาลีผ่านทางรถไฟความเร็วสูงได้อย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าเป็นโอกาสที่ดีทีเดียว

ข้อมูลคราวๆเกี่ยวกับครอบครัวอุปถัมถ์?

ครอบครัวนี้จะประกอบไปด้วย 1. คุณยายของโฮสต์แม่ที่เป็นเจ้าของบ้าน 2. โฮสต์พ่อ เป็นเจ้าของร้านอาหาร 3. โฮสต์แม่ทำงานช่วยสามีที่ร้านอาหารในช่วงฤดูร้อน 4. ลูกชายคนโตอายุ 6 ขวบ 5. ลูกสาวคนกลางอายุ 3 ขวบ และน้องสาวคนสุดท้องอายุ 18 เดือน
โดยในรั้วเดียวกันนั้นจะประกอบไปด้วยบ้านของครอบครัวอุปถัมภ์ และบ้านของพ่อแม่ของโฮสต์แม่ เวลาไปทานข้าวก็จะไปทานบ้านของพ่อแม่ของโฮสต์แม่ เพราะพวกท่านจะเป็นคนทำอาหาร

เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกครอบครัวนี้?

จริงๆแล้ว ผมค่อนข้างจะไม่ค่อยเลือกโฮสต์มาก เพราะช่วงนั้นอยากไปฝรั่งเศสมาก แบบไม่ไหวแล้ว อันนี้คงเป็นข้อเสียเพราะควรจะเลือกโฮสต์ดีๆ ครอบครัวนี้เสนอให้ทำงานหน้าร้อนตลอดทั้งวันทั้งคืน แล้วจะจ่ายเงินเพิ่ม ส่วนผมก็เสนอว่าหากหมดหน้าร้อนแล้วผมขอเป็นพักร้อนยาว ดังนั้น ทำงาน 4 เดือนช่วงหน้าร้อน บวกกับพักร้อนยาว 2 เดือน เราเลยตกลงกันแบบนี้ เพราะทางโฮสต์ก็หาคนจะมาทำงานแบบนี้ให้ไม่ได้ ส่วนเราตอนนั้นก็คุยกับหลายโฮสต์มาก คือถ้าโฮสต์คนไหนโอเคก่อน ก็จะเลือกครอบครัวนั้น

เค้าช่วยเหลืออะไรเราบ้างในการทำเรื่องขอวีซ่า?

เรื่องขอวีซ่า โฮสต์ช่วยดำเนินเรื่องทางฝรั่งเศส คือ ไปสมัครเรียนให้ ใช้แค่ใบสมัครส่วนค่าเรียนเราต้องจ่ายเองในวันที่ไปเรียน และขออนุมัติสัญญาจ้างจากทางกรมแรงงานที่ฝรั่งเศสให้ ส่วนค่าวีซ่าโฮสต์ไม่ได้ช่วย ตอนนั้นโดนปฏิเสธไปหนึ่งครั้ง เสียเงินไปฟรีๆ และลองกันใหม่ครั้งที่สอง ถึงได้วีซ่ามา

งานที่รับผิดชอบในช่วงที่เป็นออแพร์?

ช่วงเดือนแรกงานจะไม่หนักมากเพราะน้องๆยังไม่ปิดเทอม ผมมีหน้าที่คอยดูแลน้องสาวคนกลาง วัน อังคาร พุธและพฤหัสบดี ช่วง 9 โมงเช้าถึงบ่ายสามโมง เล่นกับน้อง ทำกิจกรรมร่วมกันตอนเช้า ทานข้าวเที่ยงเสร็จก็พาน้องไปนอนกลางวัน พอโฮสต์กลับมาเราก็ว่าง
ส่วนคนโตจะไปโรงเรียน และคนเล็กจะไปบ้านพี่เลี้ยงเด็กอ่อน (Nanny) เสาร์-อาทิตย์จะต้องดูแลทั้ง 3 คน ในเวลาเดียวกัน ช่วงเช้าจะพาไปเดินเล่นรับแดดนอกบ้าน เพราะโฮสต์ชอบให้ลูกวิ่งเล่นกันนอกบ้านมากกว่า พอสายๆก็พาน้องคนเล็กนอนกลางวัน พอเที่ยงก็ทานข้าว ผมก็ป้อนข้าวน้องคนเล็ก ส่วนอาหารโฮสต์จะเตรียมไว้แล้ว
วันจันทร์และวันศุกร์คือวันหยุด
พอช่วงปิดเทอมหน้าร้อนต้องดูแลน้องทั้งสามคน ตั้งแต่ 9โมงเช้า จนถึงเวลาที่โฮสต์เลิกงานคือ 4 โมงเย็น จากนั้นโอสต์ก็จะเข้าร้านอีกช่วง 6 โมงเย็น เลิกงานอีกทีคือ เที่ยงคืน บางวันก็ตี 1 ช่วงหลังจากพาน้องเข้านอนตอนค่ำ เราต้องอยู่ Stand by ในกรณีที่คนโตกับคนกลางเล่นกันในห้องเพราะนอนห้องเดียวกับ หรือคนเล็กตื่นตอนกลางคืน
บางครั้งพ่อแม่ของโฮสต์แม่ไปพักร้อนต่างจังหวัด เราก็มีหน้าที่ทำกับข้าวให้ทั้งเด็กและคุณยายที่บ้าน ทำงานบ้านเช่น ล้างจาน ดูดฝุ่น
ผมทำงานช่วงหน้าร้อนเกือบทุกวัน หยุดเดือนละ 1 ครั้ง จำนวน 2 วัน ประกอบกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยมากเลยทำให้ป่วยและนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาล 5 คืน

โอกาสในการเรียนและการท่องเที่ยว?

โอกาสเรียน ยังไม่ได้มีโอกาสได้เรียนตามที่คิดไว้เลย เพราะช่วงที่มีวันหยุด ก็ไม่ตรงกับเวลาเรียน เมืองนี้เป็นเมืองที่เล็กมาก บ้านโฮสต์อยู่ห่างจากตัวเมือง 7 กิโลเมตรและไม่มีรถประจำทางวิ่งผ่าน เวลาหยุดก็ไม่ค่อยได้ไปเที่ยวต่างเมืองไกลๆ เพราะไม่มีใครพาไป และอีกอย่างคือผมขับรถไม่เป็น แต่ช่วงที่ได้ท่องเที่ยวคือจะจองรถแชร์หรือ covoiturage ในภาษาฝรั่งเศสเพราะถูกกว่ารถไฟมาก เพื่อไปหาเพื่อนที่อยู่แคว้นอื่นแล้วให้เพื่อนพาเที่ยว

ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับครอบครัวอุปถัมภ์เป็นอย่างไรบ้าง?

ช่วงแรกๆ เราไม่มีปัญหาอะไร แต่ช่วงหลังๆมา อะไรๆก็ไม่เป็นอย่างที่คุยกันไว้ เช่นเรื่องที่อยู่ ในบ้านไม่มีห้องพอ โฮสต์เคยคุยกับเราว่าเราต้องนอนในคาราวานหรือรถบ้าน และบอกว่าไม่ต้องกังวลในนั้นมีทุกอย่างเหมือนบ้านซึ่งเราก็ตกลงไป เพราะคิดว่าตัวเองเป็นคนง่ายๆ พอมาอยู่จริงๆ กลับมีแค่เตียงและโซฟาเก่าที่ต้องเอาผ้ามารองนั่ง ห้องน้ำก็ไม่มีให้ ต้องไปทำธุระส่วนตัวที่บ้านของโฮสต์ น้ำจะใช้ล้างหน้าหรือดื่มกินยังไม่มี ต้องเอาขวดเปล่าไปกรอกน้ำมาไว้ดื่มในคาราวาน ส่วนเรื่องอาหารการกิน บางครั้งเป็นอาหารที่เราไม่ชินเราก็ทานได้น้อยในบางมื้อ ช่วงหน้าร้อนเป็นอะไรที่หนักมาก เวลาเรามีเวลาพักสักชั่วโมงสองชั่วโมง เราก็อยากนอนพักสงบๆ ที่เดียวที่พักได้คือในคาราวานซึ่งช่วงหน้าร้อนมันเก็บความร้อนได้ดีมาก ถ้าออกไปพักข้างนอกก็ต้องไปเล่นกับน้องซึ่งเท่ากับว่าเราจะไม่ได้พักเลยเพราะน้องทั้ง 3 คน จะอยู่กับเราตลอดเวลา ถามว่ารักเด็กไหม ก็รักแต่เราต้องมีเวลาส่วนตัวบ้าง ความสัมพันธ์เริ่มตรึงเครียดตอนที่เรามีปัญหาเรื่องค่ารักษาพยาบาล ซึ่งโฮสต์เคยแนะนำให้ไม่ต้องสนใจปล่อยจนกลับไทย ยังไงโรงพยาบาลก็ไม่ตาม เราเห็นถึงความไม่จริงใจ และหลังๆโฮสต์ไม่จ่ายค่าจ้างทุกสัปดาห์ บางครั้งนานถึงสามสัปดาห์ เราจะได้ค่าจ้างก็ต่อเมื่อทวง ตอนนั้นเริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ ตอนนั้นเคืองจนถึงขั้นคิดว่า เขาลืมจ่ายค่าจ้างเราได้ เราก็อยากลองลืมตื่นไปเลี้ยงลูกเขาบ้าง แต่ด้วยความรักเด็กมันมาก่อน เลยตื่นไปทำหน้าที่ทุกวัน เขาจะได้ว่าเรามีความรับผิดชอบ หรือเผื่อเขาจะเอาเป็นแบบอย่างบ้าง

ปัญหาที่คุณเผชิญและหนทางการแก้ไข?

ปัญหาที่เผชิญเกิดขึ้นช่วงก่อนที่จะได้ออกจากบ้านโฮสต์ 2 อาทิตย์
ตอนนั้นได้รับจดหมายจากทางโรงพยาบาลแจ้งค่าใช้จ่ายที่ต้องชำระราว 170,000 บาท ซึ่งตกใจมากเพราะขนาดเงินที่เก็บมาทั้งชีวิตยังไม่ถึงแสนเลย เราไปปรึกษาโฮสต์เพราะคิดว่าโฮสต์ได้ทำประกันสังคมให้แล้ว โฮสต์กลับบอกให้เราไปปรึกษาประกันสังคมเอง ไม่แม้แต่จะอาสาพาไปทั้งๆที่รู้ว่าเราขับรถไม่ได้และทางก็ไกลมาก ย้อนกับไปคิดช่วงที่มาอยู่เดือนแรกๆ ผมต้องไปรายงานตัวที่ Immigration ที่ Bordeaux โฮสต์บอกว่าต้องทำงาน ผมต้องไปเอง เขาพาผมไปซื้อตั๋วรถไฟโดยเป็นเงินค่าจ้างของสัปดาห์นั้น ค่าแสตมป์เสียภาษีก็เช่นกันเป็นเงินค่าจ้างที่เขาหักไป ไม่มีเวลาพาไปแล้วยังให้จ่ายเองทุกอย่าง ตอนไป Bordeaux ก็เป็นกังวลบ้างแต่ด้วยความที่ครั้งนี้มาฝรั่งเศสเป็นครั้งที่ 2 และพูดฝรั่งเศสได้จึงเอาตัวรอดมาได้ ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าไม่มีความรู้ภาษาฝรั่งเศสจะน่าสงสารขนาดไหน ขนาดมีประสบการณ์แล้วยังเกิบตกรถไฟ
กลับมาที่เรื่องค่ารักษาพยาบาล พอโฮสต์ทำเหมือนไม่สนใจ ผมเลยตัดสินใจไปเอง โทรไปถามประกันสังคม เตรียมเอกสาร เพราะถ้าปล่อยไว้คงเป็นปัญหาอีกภายหลัง ยิ่งใกล้จะถึงเวลาต้องออกจากบ้านโฮสต์แล้วด้วย ผมเดินเท้าไปในเมือง 7 กิโลเมตร ตอนออกจากบ้านเห็นรถจอดสองคัน แต่ไม่มีใครว่างไปส่ง จริงๆขับรถไป 5 นาทีก็ถึง พอไปถึงประกันสังคมก็ไม่สามารถรับเอกสารได้เนื่องจากใบเกิดต้องได้รับการรับรองการกระทรวงการต่างประเทศหรือสถานทูต ผมจึงกลับมาและส่งใบเกิดไปที่สถานทูตเพื่อให้สถานทูตประทับตรารับรอง ระหว่างรอเอกสารตอบกลับก็เหลือเวลาอีกราว 3 วันผมไปขอโฮสต์ว่าผมอยากอยู่ต่อเคลียร์เรื่องประกันสังคม โฮสต์บอกอยู่ได้แต่ต้องเซ็นต์สัญญาว่าสัญญาได้จบก่อนกำหนด เพราะเขาบอกว่าเดือนที่ผมจะพักร้อนก็ไปพักร้อนแต่ก่อนไปต้องเซ็นต์สัญญานี้เพราะหากเกิดอะไรขึ้นกับผม เขาจะได้ไม่ต้องมารับผิดชอบ อีกอย่างเขาจะได้ไม่ต้องเสียภาษีเพิ่ม ผมเลยติดต่อเพื่อนสนิท เพื่อนเลยจะมารับ และให้ที่พักชั่วคราว แต่ปัญหาคือ ถ้าไม่ได้อยู่ในสัญญาแล้ว ประกันสังคมจะยังทำได้หรือเปล่า ผมเลยตัดสินใจไปที่ประกันสังคมอีกครั้ง พนักงานบอกว่า ผมถูกคุ้มครองโดยประกันสังคมตั้งแต่วันทำงานวันแรกตามที่ระบุในสัญญาแต่แค่ไม่ได้มาทำการเปิดหมายเลขประกันสังคมเท่านั้น ผมเลยโล่งอก
ตอนนี้ได้ยื่นเรื่องขอสิทธิ์ใช้ประกันสังคมตามสิทธิ์ที่ระบุในสัญญา และอยู่ระหว่างรอจดหมายตอบรับว่าจะได้สิทธิ์นั้นหรือเปล่า แต่ถ้าโอเคประกันสังคมสามารถช่วยจ่ายได้ 80 % ก็ถือว่ายังดี
ปัญหาอีกอย่างคือเรื่องค่าตั๋วเครื่องบิน ด้วยความที่ตอนนั้นได้วีซ่ากระทันหันเลยได้ตั๋วในราคาแพง (800 ยูโร) แต่ก็ไม่แพงมาก โฮสต์บอกว่าจะช่วยครึ่งนึง พอมาถึงที่ฝรั่งเศส โฮสต์จ่ายแค่ 200 ยูโร พยายามทวงทุกครั้งที่ทวงค่าแรง โฮสต์ก็จ่ายแค่ค่าแรง จนทุกวันนี้ออกมาแล้ว ยังคงทวงถาม แต่ก็ไม่ได้คืนอีก 200 ยูโร และคิดว่าคงไม่ได้คืน
ก่อนออกจากบ้านโฮสต์ โฮสต์ยังพูดทำนองขู่ว่า ผมมาในวีซ่าออแพร์ ถ้าไม่ได้ทำงานออแพร์หรือสัญญาถูกยกเลิกไปแล้ว ตามกฎหมายผมไม่มีสิทธิ์อยู่ในแผ่นดินฝรั่งเศสแม้วีซ๋าจะยังไม่หมดอายุ และมีสิทธิ์ถูกตำรวจจับได้ทุกเมื่อ คำพูดที่รับไม่ได้คือประโยคที่ว่า “เธอมีสิทธิ์อยู่แค่ในพื้นที่ที่ประเทศเธอมาซื้อไว้คือสถานทูตของประเทศเธอ เธอลองไปขอเขาอยู่สิ แต่อย่าลืมนะว่าหากออกจากประตูสถานทูตเมื่อไหร่ เธอถูกจับได้ทุกเมื่อ” ตอนนั้นแอบร้องไห้ในคาราวาน พอรุ่งเช้าเลยไปพบกับเจ้าหน้าที่ที่ให้ความช่วยหลือแก่คนที่ไม่มีทางออกในชีวิตหรือในภาษาฝรั่งเศสคือ Assistant Social เขาเลยโทรไปถามสำนักงานที่ดูแลชาวต่างชาติ ได้ความว่า ผมยังมีสิทธิ์อยู่ต่อเพราะวีซ่ายังไม่หมดอายุ แม้ว่าไม่ได้เป็นออแพร์แล้ว แต่ยังคงสถานะนักเรียนอยู่ เพราะประภทวีซ๋าคือ นักเรียนออแพร์ระยะยาว ผมเลยไปบอกกับโฮสต์แบบนี้ เขายังพูดว่าเจ้าหน้าที่คนนี้มั่ว ตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะถึงแม้จะยังหาทางออกเรื่องค่ารักษาพยาบาลไม่ได้ก็ตาม ยังดีกว่าทนอยู่ในที่ที่เขาทำกับเราเหมือนทาส

บนเรียนที่ได้เรียนรู้และที่จะประโยชน์แก่ผู้ที่สนใจโครงการคนอื่นมีอะไรบ้าง?

– หากใครที่สนใจมาทำออแพร์ที่ฝรั่งเศสก็ยังคงบอกว่าสนับสนุนและไม่อยากให้คิดว่าครอบครัวอุปถัมภ์ฝรั่งเศสเป็นเหมือนครอบครัวที่ผมเจอ แต่ต้องวางแผนให้ดีอ่านสัญญาให้ดี ถ้าอะไรที่ตกลงกันแล้วต้องระบุในสัญญาชัดเจนนะครับ เช่นเรื่องตั๋วเครื่องบิน ตามสัญญาไม่ระบุรายละเอียด ถ้าเราจะจ่ายเองก็ไม่ต้องระบุก็ได้ หรือถ้าโฮสต์จ่ายอาจจะไม่ต้องระบุ แต่ให้ได้ตั๋วก่อน ส่วนถ้าแบ่งกันจ่าย นี่ต้องระบุครับ
– ควรจะรู้จุดประสงค์ของการมาของตัวเองให้ดี ถ้าอยากมาเรียนภาษาต้องเลือกโฮสต์ที่อยู่ในเมืองใหญ่ จะได้หาที่เรียนง่ายๆ หากจะมาเที่ยวก็หาเมืองที่มีการคมนาคมสะดวก แนะนำว่าถ้าขับรถไม่เป็นและไม่มีใบขับขี่อย่าเลือกโฮสต์ที่อยู่ในชนบท เพราะชนบทของฝรั่งเศสมันมีแต่ธรรมชาติจริงๆ บางที่แบบชนบทที่มีแต่ทุ่งหญ้าและทุ่งข้าวสาลี หรือไร่ข้าวโพด ไม่ได้มีร้านขายของชำหรือ 7-11 เหมือนที่ไทย
– ควรตกลงกับโฮสต์ให้ชัดเจนเรื่องประกันสังคม และควรซื้อประกันมาเผื่อด้วย
– หากโฮสต์รับผิดชอบเรื่องประกันสังคม วันแรกที่มาถึงจะต้องคุยกันเรื่องนี้เลย และต้องให้เขาพาไปประกันสังคมภายใน 8 วันก่อนมาถึง ย้ำว่าอย่าช้ากว่า 8 วันเพราะจะตามยาก
– หากมีคนทีรักเราอยู่ที่บ้านไม่ควรคิดว่าจะมาเอาดาบหน้าเพราะที่ฝรั่งเศสไม่มีอะไรให้กอบโกย คนอพยพแทบจะล้นประเทศ
– หากรู้สึกว่าโฮสต์กระทำการอะไรที่ผิดกฎหมาย ควรเก็บหลักฐานไว้บ้าง เช่น คลิปเสียง คลิปวิดีโอ เพราะมันอาจจะเป็นประโยชน์หากมีปัญหาในอนาคต
– สำหรับการมาเป็นออแพร์ที่ฝรั่งเศส เอกสารที่ควรจะนำไปขอรับรองสำเนากับทางกระทรวงต่างประเทศก่อนกำหนดวันเดินทางคือ ใบเกิด ใบเปลี่ยนชื่อ/นามสกุล (กรณีเปลี่ยนชื่อ/นามสกกุล) เพราะต้องใช้ในเกิดที่มี Legalization แนะนำให้แปลมาจากประเทศไทยก่อน เพราะราคาค่าแปลที่ฝรั่งเศสแพงกว่ามาก

โดยส่วนตัวแล้วคุณคิดว่าออแพร์ควรมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?
– มีความรับผิดชอบ เพราะโฮสต์ไว้ใจให้เราดูแลลูกของเขา เท่ากับเราจะต้องรับผิดชอบชีวิตลูกเขา
– ความปลอดภัยของเด็กๆ เราต้องคิดเสมอว่าสิ่งที่พาเด็กๆเล่นหรือสถานที่ๆพาเด็กๆไป เรามีความสามารถที่จะให้ความปลอดภัยเขาได้หรือเปล่า
– ทักษะการเลี้ยงเด็ก หลายครอบครัวมีลูกหลายวัย ควรมีความรู้ในการเลี้ยงเด็กอ่อนบ้าง จะได้ช่วยโฮสต์และช่วยตัวเองให้รับมือกับสถานการณ์ได้
– ควรมีความยืดหยุ่น เพราะเวลาดูแลน้องอาจจะมีล่วงเวลาบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่ที่เราและโฮสต์ตกลงกัน ถึงแม้เราจะรู้จักยืดหยุ่นแต่ต้องไม่รู้สึกว่าเราถูกเอารัดเอาเปรียบจนเกินไป
– ควรมีความรู้เรื่องสิทธิ์ที่ออแพร์ควรจะได้รับในประเทศที่เราจะไป เพราะจะช่วยให้เราไม่โดนเอาเปรียบ
– ควรมีความสามารถในการสอน เพราะนอกจากเราจะต้องดูแลเด็กแล้ว เรายังต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดีและคอยสอนเด็กเสมอ เพราะเด็กหากได้จดจำอะไรแล้วจะเกิดพฤติกรรมเลียนแบบได้อย่างรวดเร็ว

คุณจะแนะนำโครงการออแพร์ให้กับพี่ๆน้องที่สนใจไหม ทำไม?
– หากใครที่ชอบประเทศฝรั่งเศสและอยากมาเที่ยวที่นี่ ผมก็แนะนำนะครับ การเป็นออแพร์เหมือนไม่ได้มาทำงาน แต่เป็นการมาหาประสบการณ์ เพราะออแพร์มีโอกาสได้เรียนรู้ภาษา วัฒนธรรมใหม่ๆ แถมยังได้ pocket money ติดตัวด้วย ประเทศฝรั่งเศสมีสถานที่ให้เที่ยวเยอะแยะมากมาย และที่นี่หากลองไปเที่ยวตามเมืองต่างๆ คุณจะลืมหอไอเฟลไปเลย เพราะมันมีอะไรกว่านั้นมาก ทางเหนือ อาคารบ้านเรือนะเหมือนอยูเบลเยี่ยม ภาคตะวันออกเฉียงเหนือเหมือนได้อยู่เยอรมัน ภาคกลางดินแดนภูเขาไฟ ขับรถเฉียดทะเลหมอกแบบชิวๆ ภาคตะวันตกเฉียงได้ ติดแดนที่อยู่ติดสเปนแค่เอื้อม ส่วนภาคใต้ฝั่งตะวันออก ราวกับยกอิตาลีไม่ไว้กันเลยทีเดียว เรียกได้ว่า มีทุกวัฒนธรรมและไม่ใช่สิ่งที่จำลองมาไว้ แต่เป็นความคล้ายคลึงทางวัฒนธรรมที่มีมานานแล้ว ทุกวันนี้ยังอยากมีโอกาสที่จะทำงานออแพร์ต่อ เพราะถึงแม้จะได้ความทรงจำไม่ดีจากครอบครัวนี้ แต่เราก็ไม่ควรจะตัดสินทุกคนให้เป็นเหมือนกัน และยังคงรักในการเป็นออแพร์

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Social Network Integration by Acurax Social Media Branding Company
Visit Us On FacebookVisit Us On TwitterVisit Us On LinkedinCheck Our FeedVisit Us On InstagramVisit Us On Youtube